ที่มาของดราม่า สารถึงผู้ที่ชอบจ้างวาน หรือ รับจ้างวานให้มาล่อซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าทุกชนิด โดยเฉพาะหนังสือ

3 ปีที่ผ่านมา

โดย เจ้าของร้าน

ขออภัยผู้มีอุปการะคุณที่ต้องดราม่า ต่อจากนี้คือ สารถึงผู้ที่ชอบจ้างวาน หรือ รับจ้างวานให้มาล่อซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าทุกชนิด โดยเฉพาะหนังสือ

การที่พวกคุณยุยงให้ผู้อื่น เลือกที่จะกระทำความผิด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม โดยเฉพาะผู้ที่รู้ตัวอยู่แล้วว่าจะเอาไปกระทำความผิดเลยให้ผู้อื่นล่อซื้อแทน เช่น ละเมิดลิขสิทธิ์ หรือการแอบอ้างว่าร้านเรามีคำสาปอย่าซื้อ เดี๋ยวเราจะล่อซื้อแล้วรับคำสาปให้เอง อีหยังว่ะ!!!!!!!

เข้าเรื่องตรงประเด็นเลยละกันนะ เราจริงจังและเหนื่อยมามากแล้ว

การทำแบบนั้น มันทำให้วงการที่ไม่ว่าจะเป็นวงการหนังสือ หรือว่าเวทมนตร์พัง ซึ่งเอาตรงๆ ตัวส่วนเวทมนตร์ที่พังก็คือ วิทยาศาสตร์ทางจิต ไม่ใช่โซนสมุนไพร ซึ่งเอาจริงๆ นะคนสายนี้เขาคัดเลือกคนของเขาอยู่แล้ว การทำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้คัดยากขึ้นไปอีก ซึ่งแน่นอนว่ามันเกี่ยวโยงกับหลายสาย เพราะวิชาไม่ได้มีแค่วิชาเดียว คุณจะการันตีความสำเร็จได้ยังไง ในเมื่อคุณทำผิดธรรมเนียมตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะผิดผี ผิดครู ตีโจทย์ไม่แตก การมาหาว่า "ไม่รู้เรื่องหรอก จับไม่ได้หรอก" ทั้งที่การจับได้หลายเคสเป็นการจับได้ทางจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์ล้วนๆ ยังไม่เกี่ยวข้องกับ การอ่านภาพ การอ่านลูกดิ่ง การอ่านไพ่เสริม ใช้อุปกรณ์ตรวจสอบว่า ที่จับได้มันถูกต้องจริงหรือเปล่า มันเช็คกันจนเหนื่อย และไม่ได้เช็คแค่คนเดียว บางทีเราก็อยากหลับหูหลับตาให้ผ่าน อยากขายแบบร้านอื่น แต่มันไม่ได้ไง ไม่ว่าจะเช็คด้วยวิทยาศาสตร์ หลักฐานกายภาพ หลักฐานทางพลังงาน ไม่นับเรื่องสปิริตฟ้องด้วยนะ บางที่ภาพเสียงมาครบ "จับไม่ได้หรอก เขียนส่งๆ ไปเถอะ" "พนันกันมั้ย เดี่ยวก็ไม่ขาย" ก็ไม่ขายตามที่พนันกันให้แล้วไง จะเอาอะไรอีก

ถ้าเข้าใจว่าการฝึกของเราไร้ค่า คุณเป็นเราหรือเปล่า การให้การบ้าน การเทสแต่ละครั้งมันมีเหตุผลเสมอ และทุกครั้งประโยชน์นั้นก็เพื่อผู้ที่ต้องการซื้อและฝึกด้วยตัวเองจริงๆ ถ้าเขามีความตั้งใจพอในการเขียน เราไม่สนับสนุนในคนที่ลอกการบ้านเพื่อนแล้วยุคนอื่นให้ลอกการบ้านเพื่อนด้วย หรือจ้างคนอื่นให้ทำการบ้านให้หรอกนะ ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นได้แค่ "ของฝากนักก็อป" ไม่มีทางพบตัวตนของตัวเอง อย่าพยายามมาบอกว่า แค่เลียนแบบคนที่ประสบความสำเร็จก็สำเร็จแล้วโดยที่คุณไม่รู้ว่าเขาผ่านอะไรมาบ้าง

แล้วเราก็มองว่า คุณดูถูกความปรารถนาดีและความจริงจังที่จะสอนของเรานะ ไม่ว่าหนังสือเล่มไหนในร้านเราทำด้วยความสนุก และทำให้เพื่อให้เป็นความรู้ความเข้าใจ ตั้งแต่รากไปจนระดับสูง ไม่ว่าจะจากความรู้ ความเข้าใจ ประสบการณ์ หรือขออนุญาตแปล หรือขอจากผู้มีความรู้นั้นๆ ในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์

เราดีใจนะที่เห็นกลุ่มซื้อขายแลกเปลี่ยนทางเวทมนตร์มากขึ้น หลายคนที่ทำงานคราฟท์ออกมาดี ไม่ว่าจะมีพลังหรือไม่ก็ตาม นั่นคือพัฒนาการความพยายามของคนนั้นๆ (ดีใจด้วย)

แต่การอยากได้ความรู้ใคร มันต้องแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน หรือเชื่อมั่นในความรู้หรือบุคคลนั้นๆ แต่การที่พวกคุณลองของ ซื้อแบบไม่ถูกต้อง อันนี้ถ้าเป็นสายครูที่เคร่งๆ เขามองว่า สอนไม่ได้ด้วยซ้ำ มันคือ จิตสำนึก และจิตใต้สำนึกไม่ผ่าน สอนไม่ได้ตั้งแต่ต้น ไม่ใช้แก้วเต็มน้ำ แต่คือจมน้ำแถมรั่วอีก ยกมาก็ไม่มีน้ำสักหยด การพยายามให้โอกาส ป่ะก็แล้ว เตือนก็แล้ว สอนก็แล้ว มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาใช่หรือไม่ หรือมาจากสันดานที่พ่อแม่สอนก็ไม่ฟังใครสอนก็เลยไม่ฟังตามไปด้วย (เราไม่นับกรณีพ่อแม่ไม่มีเวลาสั่งสอนนะ)

ต้องบอกไหมว่า คนช่วยเราทำหนังสือพูดกับเราแบบจริงจังพร้อมหัวเราะเสียงแห้งว่า "กูถอดใจที่จะขายหนังสือให้ได้กำไรแล้วว่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ขายให้แค่ผู้ที่เหมาะสมก็แล้วกัน" ถึงเป็นที่มาของคำว่า "ต่อให้ผู้อ่านจริงมีมาแค่คนเดียว เราก็จะขายให้แค่คนเดียว"

ไม่ต้องจ้าง ไม่ต้องอวตาร มีเงินเมื่อไหร่จะมาก็มา จะจองจะมัดจำอะไรคุยได้ ขอแค่เป็นคนที่ตั้งใจอยากเอง ฝึกจริง ถ้ามีคำถามอยากถามเรา ถาม สิ่งสำคัญของหนังสือที่ฝึก มันจำเป็นต้องมีความกล้า ไม่ว่าจะเป็น กล้าทดลอง กล้าเรียนรู้ กล้าร้องขอ ในสิ่งที่ตัวเองยึดมั่น นี่คือจุดที่แท้จริงที่จะทำให้การเรียนรู้ทางเวทมนตร์สำเร็จ แต่ในเมื่อความกล้าที่จะซื้อหนังสือด้วยตัวเองยังไม่มีเลยจริงๆ เราก็คิดไม่ออกเลยว่า คุณจะมีความกล้าที่จะประจุพลังลงของให้มันสำเร็จได้จริงหรือไม่

แล้วถ้ามันไม่สำเร็จคุณจะหาว่าหนังสืออะไรอ่านไม่รู้เรื่อง ทำไม่เห็นได้ หลอกลวง ทั้งๆที่เรารอฟังเสียงจากคนที่เอาไปฝึกจริงแล้วไม่ได้ผลว่า ทำไม มันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่เคยมีมาจนเราคิดไปว่า ลูกค้าจริงเราเก่งจัง เราเขียนหนังสือรู้เรื่อง ไม่มีปัญหากันเลย (ไม่นับรวมคนที่รีวิวด่าแล้วหายหัวนะ) เพราะเราก็ไม่ได้สนับสนุนให้ซื้อหนังสือของเราเป็นกองดอง เพราะเราก็รู้อยู่ว่าหนังสือร้านเรามีราคาสูง ด้วยเราคัดคน คนที่ซื้อต้องมีความตั้งใจ ไม่ว่าจะตั้งใจล่อซื้อหรือตั้งใจฝึกตามก็ตาม

แต่ว่าคนที่ล่อซื้อขอเถอะ ย้อนกลับไปอ่านข้างบนนะ บางเคสค่าจ้างยังไม่ได้คุ้มเลยกับการที่เราจับได้แล้วเราฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมายสูงสุด

ปล. ค่าจ้างทนายขั้นต่ำ 10,000 บาท คนที่แพ้ต้องเสียค่าจ้างทนายให้ทั้งสองฝ่าย ไม่รวมค่าศาล ค่าปรับ(ตามกฎหมาย) และค่าชดเชยความเสียหายทางธุรกิจด้วยนะ เพราะฉะนั้นบางเคสเขาถึงเรียกเป็นแสนๆๆๆๆ ไง ไม่ใช่แค่หลักหมื่นนะ

กราบรอบที่ร้อยรอบที่พันล่ะ เลิกยุให้คนอื่นทำความผิดสักที ไม่ใช่แค่กับร้านเรานะ ทุกร้าน อยากซื้อของเขาซื้ออย่างถูกต้อง อยากได้ความรู้เขา ก็ไปขอเรียนกันให้ถูกต้อง ไอ้ประเภทชั้นไม่ได้ แก่ก็ต้องไม่ได้ ย้อนกลับไปดูตัวเองบ้างทำอะไรลงไป "ชีวิตถึงจม"

ปล.คนที่ถูกแบนเพราะเคสนี้เคสล่าสุดของหนังสือ เราจะเก็บหลักฐานไว้ให้คุณพิจารณาว่าตัวเองทำอะไรลงไปไว้ในเว็บเพื่อตรึกตรองตัวเองอย่างละเอียดในภายหลังนะคะ ตอนนี้ยังไม่ว่าง ฟังเสียงไปก่อนนะ เพราะไม่รู้ว่าตอนที่คุณโทรมาสายหลุดหรือเปล่า ก็ถือว่าบอกเหตุผลแล้วนะ ตอบให้แล้ว (เวลาที่โทรมา 15.34 น.)
https://drive.google.com/file/d/16kZQlLlKnDQ3ee7b9b-KwrwWDDrjgZ_T/view?fbclid=IwAR1pWvDqOKwlNjsq2DBYBzPhr15NwxAQXlHgkw1_dbQ_DbjQLFhFFsvY3yg

By VMM 16/2/65

----------------------------------------
ต่อไปนี้คือภาพตั้งแต่นาทีแรกที่คุณทักมาหาเรานะคะ ชื่อ-ภาพอวตาร-ข้อมูลสำคัญอื่นๆ เราปิดให้แล้ว ที่เหลือก็พิจารณาเอาค่ะ

ภาพที่คุณส่งมา(วันแรก) วันอังคารที่ 15 กพ. 65 เวลา 17.47 น. นะคะ

นี้คือภาพที่คุณส่งมาใน(วันที่2) วันพุธที่ 16 กพ 65, เวลา 14.39 น. นะคะ

หลังจากนั้น...

ก็ขอแบนคู่นะคะ ตามที่ตอบครั้งสุดท้ายว่า
**กรณีที่ทางร้านตรวจเช็คแล้วพบว่าไม่ได้ทำการบ้านด้วยตัวเองหรือการบ้านนี้มีคนช่วยทำ ทางร้านขอสงวนสิทธิ์ยกเลิกการตรวจ การสอน การอธิบาย การตอบคำถาม และการขายทุกกรณี โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าหรือชี้แจงว่า ตรวจยังไง พบเมื่อไหร่ เพราะว่าในเมื่อคุณไม่รักษาผลประโยชน์ของตัวคุณเอง ร้านก็ไม่จำเป็นต้องรักษาผลประโยชน์ให้คุณเช่นกัน อย่าลืมว่าหนังสือเป็น 1:1 ถ้าคุณไม่ได้ทำเองมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยของการฝึก และเมื่อคุณไม่รักษาผลประโยชน์ของตัวเองแล้วเอาให้คนอื่น ทางร้านก็ต้องขอสงวนสิทธิ์ "จำหน่ายให้ไม่ได้ค่ะ"

---------------------------
คอมเม้นท์ที่เตรียมไว้ให้ รอคุณแก้ตัวทำด้วยตัวเองจริงๆ

บทความขยายความที่ปรึกษามาสเตอร์และเรียบเรียงให้ใหม่หลังจากคุยกับคุณวันแรก

Venita Moon Magick ได้เพิ่มรูปภาพใหม่

เผยแพร่โดย Yiwen Zheng

2 วัน

กายจิต ที่เป็นจุดกำเนิดหรือจิตเดิมแท้คือ แสง หรือจุดแห่งแสงที่เล็กที่สุด ต่างกับกายทิพย์ ที่เรียกว่า Astral Body ซึ่งจริงๆ แล้วควรแปลว่า ร่างจำแลง สิ่งนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยเกี่ยวข้องกับเมมโมรี่พาเลทที่เกี่ยวข้องกับมิติที่ 4-5

ซึ่งแน่นอนว่าร่างจำแลงนี้ บรรดาสปิริต หรืออินทิตี้เอง หรือแม้แต่ผี วิญญาณ อย่างกุมาร (มิติกึ่ง 4-5) ก็สามารถทำการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเองได้ตามความต้องการ ขอเพียงมีพลังงานมากพอ จนสามารถคงรูปลักษณ์ที่ต้องการปรากฏหรือสำแดงตนให้ผู้อื่น อย่างมนุษย์รับรู้ได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยปรากฏรูปลักษณ์กันโดยง่ายเพราะมันเปลืองพลังค่ะ

ขอยกตัวอย่างโดยเปรียบกับวิญญาณเด็กในมิติที่ใกล้กับโลกมนุษย์สุด หรือที่สายไทยเรียกกุมารนะคะ >>บางตนเขาอยู่มาเป็นร้อยปี แต่ก็สามารถปรากฏกายแบบไหนก็ได้ เปลี่ยนเสื้อผ้าได้ ไม่ได้ใส่แต่ชุดไทยแบบที่เข้าใจกันค่ะ ให้เปรียบการเปลี่ยนรูปกายทิพย์ (ร่างจำแลง Astral Body) ก็ไม่ต่างกับแปลงโฉมเปลี่ยนเสื้อผ้านะคะ แค่ต้องฝึกพลังและกำหนดจิตให้มั่นคงให้ได้ค่ะ

หลายครั้งที่พวกเขาผู้ที่มาจากต่างมิติ จะเลือกปรากฏกายในรูปแบบที่ให้เรารับได้มากที่สุด เพื่อแสดงตนว่า "ฉันมาดีนะ" (ไม่ว่าจะมาดีจริงหรือเท็จก็ตาม)

การเปลี่ยนแปลงร่างรีฟอร์มได้ มันคือ ร่างจำแลงของจิต ซึ่งในสายปฏิบัติ จะไม่ให้ยึดติด แต่ให้ปล่อยวางจนไร้ฟอร์ม คุณจึงจะไปถึงร่างแห่งแสงที่แท้จริงหรือไปในทุกๆ มิติได้ หากยึดติดคุณก็จะอยู่กับแค่มิติ นั้นๆ ที่คุณอยู่ในร่างจำแลงนั่นเอง และเมื่อถึงจุดสูงสุดแล้วมันก็จะเห็นคนอื่นไร้ร่าง ไร้ฟอร์มเป็นแค่แสงเช่นกัน ถ้าจะดูว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง ก็ต้องลงไปยังมิติที่ต่ำกว่า แล้วเขาก็จะเลือกภาพที่ใกล้เคียงที่สุดในความทรงจำของเราที่เขาต้องการสำแดงให้เห็น ซึ่งแน่นอนว่ามันก็จะมีที่เห็นตรงกันหรือต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับว่า เราตั้งค่าการมองเห็นความจริงไว้ที่ระดับไหนก็เท่านั้นเอง

วิธีฝึกเบื้องต้นเลยก็ ฝึกการใช้จินตนาการนึกภาพสิ่งต่างๆ ในใจ ไปจนถึงสถานที่ ซึ่งนั่นก็จะนำพาให้คุณไปสู่เมมโมรี่พาเลทได้ง่ายขึ้นค่ะ ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะมีอยู่แล้วในจิตดั่งเดิม หรือสร้างใหม่ก็ได้ สำหรับคนที่มีอยู่แล้วในจิตดั่งเดิม ก็มักจะมีเกส หรือผู้พิทักษ์รักษาประตูของเมมโมรี่พาเลทคอยเฝ้าอยู่ ซึ่งเขาเหล่านี้จะเป็น ตัวตนที่สูงกว่า แต่ไม่ใช่อินทิตี้ หรือกายทิพย์(ร่างจำแลง) ของคุณ

ซึ่งสถานที่ของแต่ละบุคคลก็แตกต่างกันไปตามประสบการณ์ บางคนอาจเป็นอวกาศ, ป่าแฟรี่, น้ำพุ, หรือทะเล ฯลฯ

การไปให้ผู้อื่นดูพลังกายทิพย์ ที่ไม่ว่าจะเป็นจิตเดิมแท้ หรือร่างจำแลง ล้วนแต่อันตราย ถามว่าอันตรายยังไง ก็เกราะทางจิตของคุณจะอ่อนลงไง การที่คุณปล่อยให้คนอื่นเข้ามาก็จะต้องเสี่ยงต่อการถูกแทรกแซงหรือควบคุมได้ ไม่ต่างอะไรกับการเปิดทางหรือประตูเชื้อเชิญให้ผู้อื่นเข้ามาทำร้ายคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณคนเป็น ภูต ผี วิญญาณ หรืออื่นๆ ซึ่งผลก็อาจทำให้พลังงานปั่นป่วน หรือเกิดบางสิ่งกับร่างกายหยาบก็เป็นได้เช่นกัน อันตรายก็คืออันตราย อย่าหาทำ อยากรู้อะไร ฝึกเองเถอะค่ะแล้วก็อ่านให้มากขึ้น ตรองให้มากขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ตัวคุณเอง

ปล.จากมาสเตอร์ "ความเข้าใจของบทความนี้อยู่ที่ประสบการณ์ส่วนบุคคล ถ้ามีใครสักคนกล่าวอ้างว่า คุณไม่เข้าใจบทความนี้ นั่นหมายความว่า คุณยังไม่มีประสบการณ์การเชื่อมต่อที่มากพอ ~ ต้องเป็นคนที่โชคดีขนาดไหนหรอถึงได้เจอผีที่ซื่อตรงตลอดชีวิต"

เครดิตเพิ่มเติม : Master Vince 14.2.65

เรียบเรียง : Luzchanna 16.2.65

By VMM

ภาพประกอบ : https://www.freevector.com/vector/astral-body