เล่มนี้ที่อยากให้อ่าน #ห้องสมุดแห่งชาติ

2 เดือนที่ผ่านมา

โดย เจ้าของร้าน

ปีที่แล้วส่งหนังสือเข้าห้องสมุดแห่งชาติไปสองเล่ม หนึ่งในนั้นก็คือเล่มบูรณาการฯ แล้วเราก็เพิ่งได้เห็นว่าคุณบรรณารักษ์เลือกเล่มนี้ขึ้นมาแนะนำ ก็ถือว่าคอมพรีทโปรเจคล่ะสำหรับเล่มนี้ ขอบคุณผู้มีส่วนร่วมทุกท่านนะคะ
ปล. ณัฐธยาน์ กับ Luzchanna คือคนเดียวกัน ก็คือเรานั้นล่ะ (Luzchanna คือ นามปากกา และเป็นชื่อร้านก่อนที่จะมาเป็น VMM ค่ะ) 😊🙇❤️

❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️❤️
ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/165og4uiwE/?mibextid=qi2Omg

“#เล่มนี้ที่อยากให้อ่าน” เป็นการแนะนำหนังสือใหม่ที่น่าสนใจจากบรรณารักษ์ #หอสมุดแห่งชาติ ให้ท่านได้อ่านเป็นประจำทุกวันพุธ

วันนี้ขอแนะนำหนังสือเรื่อง “Holistic Health การบูรณาการเพื่อสุขภาพทางกาย จิต และวิญญาณ” แนะนำโดย นางสาวทรายทอง อุ่นนันกาศ บรรณารักษ์ชำนาญการ สำนักหอสมุดแห่งชาติ

หนังสือเล่มนี้เรียบเรียงโดย LuzChanna & CNIXdodo และ มีผู้เขียนร่วมได้แก่ ณัฐธยาน์ ภู่พันธ์จิตต์ มนต์พิศาภัค ฟ้าปโยชนม์ อัครวัฒน์ ทิวามงคลทัพพ์ และพรชนก เอกเอื้อมณี เป็นคู่มือ “จองคานวิลเลจ” เปรียบเสมือนชุมชนหนึ่งในรูปแบบของหนังสือที่สามารถอยู่ได้ในทุก ๆ ที่ ที่ผู้คนในชุมชนจะอยู่และสูงวัยไปด้วยกันอย่างมีคุณภาพที่ดี ด้วยการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมหรือการบำบัดด้วยธรรมชาติ และการเรียนรู้คุณค่าของตนเองผ่านกิจกรรมที่ตนเองถนัดหรือเปิดรับความรู้ใหม่ ๆ ที่คิดและรู้สึกว่าน่าสนใจ และมีความสนุกรวมกับกิจกรรมนั้น ๆ เนื้อหาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การดูแลสุขภาพร่างกาย กับการพัฒนาจิตและจิตวิญญาณ

Holistic Health (การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม) รวบรวมและเรียบเรียงจากศาสตร์การดูแลสุขภาพแบบแพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน ธรรมชาติบำบัด อาหารบำบัด และการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ยกตัวอย่างเช่น

นาฬิกาชีวิต (Body Clock / Biological clock) คือ วงจรของระบบ การทำงานในร่างกายของมนุษย์ที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานระบบต่างๆ ในรอบเวลาประมาณ 24 ชั่วโมง ที่มีความสอดคล้องกับการทำงานของอัวยวะสำคัญ อาทิ
เวลา 05.00 – 07.00 น. เวลาของลำไส้ใหญ่ ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันแล้วให้ดื่มน้ำเปล่า 2-3 แก้ว เพื่อกระตุ้นระบบขับถ่าย ลำไส้ใหญ่จะทำงานได้ดี ในเวลานี้ ทำให้ของเสียและกากอาหารถูกขับออกจากร่างกายได้ดีที่สุด
เวลา 07.00 – 09.00 น. เวลาของกระเพาะอาหาร ควรรับประทานอาหารเช้า ช่วงเวลานี้ร่างกายต้องการพลังงาน กระเพาะอาหารจะแข็งแรงสามารถย่อยอาหารและดูดซึมได้ดีที่สุด
เวลา 09.00 – 11.00 น. เวลาของม้ามและตับอ่อน ช่วงเวลาในการปฏิบัติภารกิจชีวิตประจำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายตื่นตัวมาก กระปรี้กระเปร่า การทำงานหรือทำกิจกรรมที่ได้ผลดี เพราะม้ามได้ดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์จากอาหาร และส่งสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
เวลา 11.00 – 13.00 น. เวลาของหัวใจ ให้รับประทานข้าวกลางวัน หัวใจทำหน้าที่สูบฉีดโลหิตและสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ช่วงนี้ระดับความดันเลือดในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น ห้ามเครียดช่วงเวลานี้ เพื่อดูแลและทะนุถนอมหัวใจให้แข็งแรง เป็นต้น

Mind Meditation Magick (บทเรียนเวทมนตร์เพื่อบำบัดจิตใจและติดต่อสื่อสารด้วยตนเอง) เป็นวิธีที่ฝึกปฏิบัติ เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารและพัฒนาตนเอง ได้รวบรวมทฤษฎีและแบบปฏิบัติพร้อมเฉลยเหตุและปัจจัย เพื่อให้เข้าใจหลักการทางจิตและจิตวิทยา ยกตัวอย่างเช่น
สีแห่งสนามพลังออร่า (Aura) มนุษย์และสัตว์ทุกตนมีรัศมีรอบตัวที่เรียกว่า “ออร่า” เป็นสนามพลังงานที่อยู่รอบตัวสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต ซึ่งมีสีต่างกัน ด้วยทุกสิ่งในจักรวาลล้วนเป็นพลังงานที่ไหลอย่างต่อเนื่องทุกอะตอม ทุกอเลคตรอน ความคิดของแต่ละคน และจิตสำนึกของคนเรานั้นล้วนแต่สร้างขึ้นจากการสั่นสะเทือนเท่านั้น ออร่าแต่ละสีมีความหมายเฉพาะเจาะจงสามารถบอกสิ่งสำคัญเกี่ยวกับตัวตนของเรา ออร่ามีสีหลักซึ่งเกี่ยวข้องกับจักระทั้ง 7 ของร่างกายมนุษย์ การอ่านออร่าของใครบางคนในเชิงลึกต้องใช้เวลาพอควร ในส่วนของการเรียนรู้ โดยเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจแต่ละสีหลักและเฉดสีต่าง ๆ ซึ่งสีหลัก 7 สี ประกอบด้วย สีแดง (จักระรากหรือฐาน) สีส้ม (จักระศักดิ์สิทธิ์) สีเหลือง (จักระท้อง) สีเขียว (จักระหัวใจ) สีฟ้า (จักระคอ) สีคราม (จักระตาที่สาม) สีม่วง (จักระมงกุฎหรือศีรษะ) และเฉดสี ได้แก่ เฉดสีฟ้า (ฟ้าอ่อน, รอยัลบลู) เฉดสีแดง (แดงเข้ม, สีแดงหม่น) เฉดสีดำ (สีเทา) เฉดสีเขียว (มรกตหรือเขียนอ่อน, ป่าทึบเขียว) เฉดสีเหลือง (สีเหลืองสดใส, สีเหลืองเข้ม, สีเหลืองมะนาว)
ซึ่งออร่าสีต่าง ๆ แสดงถึงความคิด ความตั้งใจ และความปรารถนา ณ จุดหนึ่ง เป็นตัวแทนของสีจิตวิญญาณที่แท้จริงของบุคคลในช่วงเวลาใดก็ตามยิ่งมีออร่า มีสีสันชัดเจนและสว่างขึ้น บุคคลนั้นแข็งแกร่งและสมดุลทางวิญญาณ ส่งผลให้มีสุขภาพดี เนื่องด้วยการกระจายพลังงานในร่างกายอย่างสม่ำเสมอ

โดยมีขั้นตอนการฝึกดูออร่า ดังนี้
1) ฝึกมองออร่าตนเอง โดยการนำกระดาษเอสี่ 1 แผ่น วางบนโต๊ะ ใช้วางฝ่ามือของคุณลงบนกระดาษ แล้วค่อย ๆ มองไล่จากรอบ ๆ มือของคุณ ทำใจให้สบาย จนรู้สึกถึงความสลัวหรือแสงที่กระจายโดยรอบ
2) ฝึกมองยอดขอบไม้ตัดกับท้องฟ้า โดยนอนหงายบนสนามหญ้าที่ไร้เมฆมองต้นไม้ที่อยู่ไกลออกไป ไล่จากโคนไปยังยอดไม้ เพ่งเส้นขอบยอดไม้ที่ตัดกับท้องฟ้า พยายามดูรายละเอียดท้องฟ้าให้มากที่สุด แล้วเปลี่ยนเป็นมองผ่านๆ จนเริ่มรู้สึกถึงความสลัวลางๆ ตรงเส้นขอบยอดไม้ ให้สังเกตจะเห็นสีที่อ่อนใสกว่าสีท้องฟ้าล้อมเป็นกรอบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแสงออร่าของต้นไม้ และ
3) ฝึกมองแสงออร่าของผู้อื่น โดยให้เพื่อนยืนพิงผนังโล่งสีขาวๆ หากเริ่มฝึกให้ใช้ห้องที่มีแสงสลัวจะเห็นผลมากกว่า ยืนหรือนั่งห่างกัน 2-3 เมตร แต่ต้องเห็นเพื่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมทั้งบริเวณรอบ ๆ ตัวเขาด้วย จากนั้นเพ่งสายตาอยู่ที่หน้าผากของเพื่อน จากจุดนี้ให้มองรอบตัวเพื่อตามเข็มนาฬิกาทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้หลาย ๆ ครั้ง กลับมาเพ่งที่หน้าผาก หรือจุดที่สูงที่สุดนานอีกประมาณ 15-30 นาที เปลี่ยนการเพ่งมองมาเป็นการมองรอบตัวเพื่อน แล้วสังเกตนิ่ง ๆ แสงออร่าที่ศีรษะและที่หัวไหล่จะปรากฏชัดกว่าที่อื่น ให้ทำซ้ำ ๆ เท่าที่ทำเป็น และจะเริ่มมองเห็นแสงออร่าของผู้อื่น เป็นต้น

ท่านใดที่สนใจหนังสือแนะนำในวันนี้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ห้องบริการหนังสือทั่วไป ชั้น 2 อาคาร 2 สำนักหอสมุดแห่งชาติ

บรรณานุกรม
ณัฐธยาน์ ภู่พันธ์จิตต์ และคนอื่นๆ. Holistic health การบูรณาการเพื่อสุขภาพทางกาย จิต และวิญญาณ. กรุงเทพฯ: อิงค์ออนเปเปอร์, 2567.