อายุรเวทศาสตร์ (Ayurrveda) คืออะไร
ศาสตร์ แห่งอินเดียที่ยังคงสืบต่อมาจวบจนปัจจุบันมีมากมายทั้งโยคะเพื่อสุขภาพและ ความงาม โหราศาสตร์อันเก่าแก่ และที่กำลังตื่นตัวกันมากในขณะนี้ก็คือ "อายุรเวท" ซึ่งเป็นศาสตร์ที่เกิดมาเพื่อคุณภาพชีวิตโดยแท้
ผู้ที่รักสุขภาพบางคนอาจคุ้นเคยกับโยคะ ซึ่งเป็นศาสตร์ของอินเดียแขนงหนึ่ง แต่อายุรเวทถือเป็นศาสตร์ที่ไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาด เพราะอายุรเวทจะ ช่วยให้วิถีชีวิตของคุณสอดคล้อง กลมกลืน และเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ทั้งเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย ตลอดจนการใช้ชีวิตต่าง ๆ ซึ่งเมื่อปฏิบัติแล้วร่างกายของคุณก็จะเรียนรู้ระบบใหม่หรือวิถีใหม่ที่ดี กว่า ซึ่งตัวคุณเองเป็นผู้สร้างขึ้น แล้วร่างกายก็จะรู้ว่าต่อไปนี้สิ่งที่ร่างกายต้องการคืออะไร แน่นอนว่ามันก็จะปฏิเสธสิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยได้เองโดยอัตโนมัติ ซึ่งก็ถือเป็นกลไกตามธรรมชาติอย่างหนึ่ง ดังนั้นการปฏิบัติตัวตามหลักอายุรเวทจึงถือว่าเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายได้กลับมามีความสมดุลอีกครั้ง และยังว่องไวต่อปฏิกิริยาต่าง ๆ ดุจดังครั้งวัยเด็กหรือหนุ่มสาวด้วย
อายุรเวทสอน ว่า มนุษย์เป็นเพียงหน่วยเล็ก ๆ ของจักรวาล และจักรวาลก็เป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ (นั่นคือสอนถึงความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์และจักรวาล มนุษย์เป็นหน่วยเล็ก ๆ ที่ถอดแบบจากจักรวาล ดังนั้นจักรวาลจึงเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์ด้วย) เมื่อ เปรียบกับสิ่งแวดล้อมภายนอกเอกภพ พลังของมนุษย์ก็ดุจทารก ความเป็นปัจเจกชนของมนุษย์ทำให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างแปลกแยกตัวตนจากจักรวาล อายุรเวทมองสุขภาพและการเจ็บป่วยอย่างเป็นองค์รวม (ทั้งร่างกายและจิตใจ) พินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วนถึงความสัมพันธ์โดยธรรมชาติระหว่าง ปัจเจกบุคคลและอิทธิพลของจิตใจ ปัจเจกบุคคลและสภาวะของสติ (ความรู้สึกตัว) พลังงานและวัตถุ ดังนั้นในคำสอนของอายุรเวท มนุษย์ทุก ๆ คนประกอบด้วยชีวเคมีและสัญชาตญาณภายในตน ๔ อย่าง:ศาสนา การเงิน การสร้างครอบครัวและสัญชาตญาณในการใฝ่หาอิสรภาพ (หรือกล่าวได้ว่า ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ต้องการความมั่นคงทางการเงิน ต้องการมีผู้สืบสกุลและต้องการความเป็นอิสระ) "สุขภาพที่สมดุล" เป็นพื้นฐานในการบรรลุเป้าหมายตามสัญชาตญาณ ดังกล่าว
อายุรเวท ช่วยให้คนปกติรักษาสุขภาพไว้ และช่วยให้ผู้เจ็บป่วยมีสุขภาพดีขึ้น อายุรเวทเป็นศาสตร์ของชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการรักษาทางการแพทย์และอภิปรัชญา เป็นแม่บทแห่งศิลปะการรักษาทั้งหมด กิจปฏิบัติของอายุรเวทได้ถูกออกแบบเพื่อส่งเสริมให้มนุษย์มีความสุข สุขภาพดีและพัฒนาการเจริญเติบโตอย่างสร้างสรรค์ คำสอนของอายุรเวทครอบ คลุมองค์ความรู้ในการปฏิบัติเพื่อบำบัดตนเอง เป็นความรู้ที่ใคร ๆ ก็สามารถฝึกได้ ด้วยความสมดุลที่เหมาะสมของพลังงานทั้งหมดในร่างกาย การปฏิบัติตามแนวทางอายุรเวทสามารถชะลอความเสื่อม ลดทอนโรคภัยจากกระบวนการทางกายภาพ ตลอดจนกำจัดอาการเจ็บไข้ลงได้อย่างเห็นผลชัดเจน แนวคิดนี้เองคือ "พื้นฐานศาสตร์อายุรเวท" ศักยภาพเฉพาะบุคคลในการบำบัดรักษาตนเอง
ศาสตร์แห่งอายุรเวท หากจะกล่าวให้ครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดก็อาจจะต้องเรียนรู้กันเป็นปี ๆ และหากคุณได้รู้จักศาสตร์แห่งอายุรเวทจะทำให้เรารู้ว่าลักษณะภายในของแต่ละคนมีความแตกต่างกันไป การเข้าใจธรรมชาติของร่างกายโดยการทำความรู้จัก "ธาตุประจำตัว" จะช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณให้เหมาะสม รู้จักดูแลสุขภาพ ปรับความสมดุลของร่างกายให้สอดคล้องกับธาตุประจำตัว คุณจะพบวิธีการฟื้นฟู แก้ไขและบำรุงร่างกายของคุณจากภายในอย่างแท้จริง
► ธาตุทั้งห้า ดิน น้ำ ลม ไฟและอากาศธาตุ ซึ่งประกอบเป็นตัวเรา
คุณอาจจะเคยได้ยินคำที่กล่าวไว้ว่า "ดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศธาตุ ซึ่งเป็นธาตุที่หล่อหลอมให้เกิดร่างกาย" ซึ่งคำกล่าวนี้ก็มาจากศาสตร์แห่งอายุรเวท (หลักการหรือทฤษฎีแพทย์แบบชาวตะวันออก แตกต่างจากการแพทย์แบบตะวันตก ทฤษฎีการแพทย์ไทยว่าด้วยเรื่องธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ ชาวจีนใช้หลัก 5 ธาตุ และหลักการสรรพสิ่งมีคู่ตรงข้าม คือ ร้อน-เย็น อ่อน-แข็ง หรือหลักการของหยินหยางนั่นเอง สำหรับอายุรเวทซึ่งยอมรับกันว่ามีอิทธิพลกับการแพทย์แผนไทยอย่างมาก) ธาตุหลักทั้ง 5 จากศาสตร์แห่งอายุรเวทนั้นมีความหมายต่าง ๆ กันดังนี้
"ธาตุดิน"
"ธาตุน้ำ"
"ธาตุลม"
"ธาตุไฟ"
"อากาศธาตุ"
ธาตุ ทั้งห้า ดิน น้ำ ลม ไฟและอากาศธาตุ ซึ่งหล่อหลอมรวมเป็นร่างกายนั้น ทุกธาตุล้วนมีความสำคัญและแน่นอนว่ามีความสัมพันธ์ซึ่งเชื่อมโยงกันด้วย หากธาตุใดธาตุหนึ่งเสียสมดุลไปก็ย่อมจะส่งผลเสียต่อส่วนอื่น ๆ ในร่างกายด้วย เช่น ถ้าธาตุน้ำไม่ดี เลือดที่ไปเลี้ยงร่างกายซึ่งนำพาสารอาหารต่าง ๆ ส่งไปหล่อเลี้ยงได้ไม่ทั่วถึง จึงทำให้ธาตุดินไม่ดีด้วย เช่น กล้ามเนื้ออาจลีบ ไม่เติบโตเท่าที่ควร เพราะไม่ได้สารอาหารจากเลือดอย่างเพียงพอนั่นเอง
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
ให้ความหมายของ "อายุรเวท" คือ น. วิชาแพทย์, วิชาที่เกี่ยวกับสุขภาพและการรักษา. (ถือกันว่าเป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์และเป็นส่วนหนึ่งของอถรรพเวท). (ส.).
ที่มา : ขอบคุณ
เรียบเรียงบทความ "อายุรเวท (Ayurrveda) คืออะไร"
โดยกองบรรณาธิการ www.YesSpaThailand.com
ประวัติความเป็นมาของ "ฤาษีดัดตน"
ฤาษีหรือฤษี ความหมายตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายถึง นักบวชพวกหนึ่ง มีมาก่อนพุทธกาล สละบ้านเรือนออกไปบำเพ็ญพรตแสวงหาความสงบ
ปรากฏ หลักฐานครั้งแรกในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ในปี พ.ศ. 2331 เมื่อทรงปฏิสังขรณ์วัดโพธาราม (ปัจจุบันคือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหารหรือวัดโพธิ์) และข้อมูลของโรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน ระบุว่า มีเขาฤาษีดัดตน
ซึ่งก็คือ สวนสุขภาพอยู่ใกล้พระวิหารทิศใต้ เป็นพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รวบรวมการแพทย์แผนโบราณและศิลปะวิทยาการตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาไว้ ทรงพระราชดำรินำเอาท่าดัดตนอันเป็นการพักผ่อนอิริยาบถแก้เมื่อยตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และประยุกต์กับคติของไทยที่ยกย่องฤาษีเป็นครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิทยาการ ต่าง ๆ เป็นรูปฤาษีดัดตน แสดงท่าไว้ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) เพื่อให้ราษฎรทั่วไปได้ศึกษาเล่าเรียนและรักษาโรคได้อย่างกว้างขวาง สมัยแรกสร้างนั้นปั้นด้วยดิน ต่อมาในปี
พ.ศ. 2379 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งวัด และโปรดเกล้าฯให้กรมหมื่นณรงค์หริรักษ์ (พระราชโอรส
ในรัชกาล ที่ 1 พระนามเดิม พระองค์เจ้าดวงจักร) เป็นแม่กอง กำกับช่าง หล่อรูปฤาษีแสดงท่าดัดตน ด้วยสังกะสีผสมดีบุก (เรียกว่า ชิน) จำนวน 80 ท่า เสร็จแล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระราชวงศ์เสนาอำมาตย์และนักปราชญ์ราชบัณฑิต ร่วมกันแต่งโคลงประกอบรูปฤาษีดัดตน โดยพระองค์เองก็ทรงพระราชนิพนธ์ด้วย และจารึกโคลงเหล่านั้นลงบนแผ่นศาลาติดไว้ตามผนังศาลารายรอบวัดพระเชตุพนวิมล มังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานการจารึกในโคลงบานพับแผนก บนแผ่นศิลารายรอบผนังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) กล่าวถึงความเป็นมาของฤาษีดัดตน ว่า
ลุศักราชพ้น พันมี เศษเฮย
ร้อยกับเก้าสิบแปดปี วอกตั้ง
นักษัตรอัฐศกรวี วารกดิก มาศแฮ
สุกรปักษ์ห้าค่ำครั้ง เมื่อไท้บรรหาร
ให้พระประยุรราชผู้ เป็นกรม หมื่นแฮ
ณรงค์หริรักษ์รัตน์ ช่างใช้
สังกสีดิบุกผสม หล่อรูป
นักสิทธิ์แปดสิบให้ เทิดถ้าดัดตน
เสร็จเขียนเคลือบภาพพื้น ผิวกาย
ตั้งทุกศาลาราย รอบล้อม
อาวาสเชตวันถวาย นามทั่ว องค์เอย
จารึกแผ่นผาพร้อม โรคแก้หลายกล
และปรากฏข้อความในโคลงบทต่อมาจากข้างต้นที่แสดงให้ถึงพระราชประสงค์ของ พระองค์ไว้อย่างชัดเจนว่า เพื่อให้เป็นตำราวิชาการที่จัดไว้ในที่สาธารณะเปิดโอกาสให้ทุกเพศทุกวัยเข้า ถึงและศึกษาจดจำนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองและครอบครัวได้ตามความ ประสงค์อย่างกว้างขวางทั่วถึงทุกเวลา
เป็นประโยชน์นรชาติสิ้น สบสถาน
เฉกเช่นโอสถทาน ท่านให้
พูนเพิ่มพุทธสมภาร สมโพธิ์ พระนา
ประกาศพระเกียรติยศไว้ ตราบฟ้าดินศูนย์
ฤาษีดัดตน ยังปรากฏอยู่ในโคลงประกอบรูปฤาษีดัดตนด้วย ตัวอย่างเช่น โคลงพระราชนิพนธ์รัชกาลที่ 3ดัดตนแก้เอวขดขัดขา ความว่า
ชฎิลดัดตนนี้น่า นึกเอะ ใจเอย
ชี้ชื่อสังปติเหงะ หง่อมง้อม
กวัดเท้าท่ามวยเตะ ตึงเมื่อย หายฮา
แก้สะเอวขดค้อม เข่าคู้โขยกโขยง
โคลงสุพรรณหงส์นิพนธ์ ความว่า
ชฎิลฤาษีไร้ โรคร้าย
อายุยืนอื่นใคร เทียบนา
ขัดสมาธิไขว้แขนไพล่ ยกตน ขึ้นอา
วิธีนี้ท่านสอนท่า ก่อนช้านานปี
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาโบราณ สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้ให้ความเห็นว่า "หาก นับเวลาจากปีที่สร้างรูปฤาษีดัดตนเป็นลำดับมาจนถึงปัจจุบันจะเห็นว่ายาวนาน ถึง 170 ปีแล้ว จึงกล่าวได้ว่า ฤาษีดัดตน เป็นมรดกวัฒนธรรมของคนไทยทั้งชาติที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่ประชาชนทั้งประเทศไม่เจาะจงแก่ผู้หนึ่งผู้ใด"
► ท่าฤาษีดัดตน
• ท่าฤาษีดัดตน ตามแบบดั้งเดิมมีประมาณ 127 ท่า แต่ในปัจจุบันนี้มีหลายสถาบันที่นำองค์ความรู้นี้มาพัฒนาเป็นท่าออกกำลังกาย เช่น สถาบันการแพทย์แผนไทย โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) เป็นต้น ซึ่งแต่ละสถาบันจะมีรูปแบบและสไตล์ที่ต่างกัน
คำว่า "ดัดตน" หมายถึงการทำให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายน้อมไปตามต้องการ เช่น ให้ยืด ให้หด ให้งอ ให้บิด ฯลฯ ได้ตามต้องการแล้วแต่ความชำนาญที่ได้ฝึกฝนมาจนเกิดความคล่องตัว
ที่เรียกว่า "ฤาษีดัดตน" คือ การพักผ่อนอิริยาบถ แก้เมื่อย แก้ขบ ระบบตามร่างกายของเหล่าฤาษี ชีไพร ผู้ได้บำเพ็ญพรต เจริญภาวนามานานวันละหลายชั่วโมง
"การดัดตน" เป็นการบริหารร่างกาย หรือกายกรรม เพื่อให้สุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ อีกทั้งมีผลพลอยได้คือ เพื่อบำบัดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เช่น แก้โรคลมทั้งสรรพางค์กาย แก้เมื่อย แก้ปวด เป็นต้น
ท่าฤาษีดัดตนตามแบบดั้งเดิม มีประมาณ 127 ท่า ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ระบุว่ามี 80 ท่า แต่ในปัจจุบันนี้คงเหลือเพียง 24 ท่า 25 ตน เหตุเพราะมีหลายสถาบันที่นำองค์ความรู้นี้มาพัฒนาเป็นท่าออกกำลังกาย เช่น สถาบันการแพทย์แผนไทย โรงเรียนแพทย์แผนโบราณวัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์)
• สถาบันการแพทย์แผนไทย ได้คัดเลือกท่าฤาษีจาก 127 ท่า มาประยุกต์ให้เกิดความต่อเนื่องของการเคลื่อนไหว เป็นท่าหลัก ๆ 15 ท่า ซึ่งทั้ง 15 ท่า จะมีประโยชน์ในการปรับสมดุลโครงสร้างร่างกายเกือบทุกส่วน มีทั้งท่ายืน ท่านอน ท่านั่ง และปัจจุบันได้เผยแพร่ให้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนนำไปเป็นท่าการ ออกกำลังกายสำหรับประชาชนทั่วไป
การคัดเลือกท่าพื้นฐาน
สถาบันการแพทย์แผนไทย ได้ดำเนินการคัดเลือกท่าฤาษีดัดตนพื้นฐาน 15 ท่า จากท่าฤาษีดัดตนที่ได้รวบรวมไว้ทั้งหมด 127 ท่า โดยมีแนวคิดและหลักการคัดเลือก ดังนี้
► ลักษณะท่าทาง
ในปัจจุบันท่าฤาษีดัดตนเป็นการนำท่าต่าง ๆ จากต้นฉบับที่มีการบันทึกไว้ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) มาคัดเลือกท่าที่ปลอดภัยเหมาะสม มาเป็นท่าการออกกำลังกาย โดยเป็นการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้า ๆ ควบคู่กับ การหายใจ เข้า- ออก อย่างช้า ๆ และมีสติ
► การฝึกลมหายใจ
การฝึกท่าฤาษีดัดตนนั้นในตำรามิได้มีการระบุ ชัดเจนเกี่ยวกับการหายใจ แต่อย่างไรก็ตาม ในศาสนาพุทธมีการนั่งสมาธิ โดยการฝึกการบริหารลมหายใจเช่นกัน ดังนั้นท่าฤาษีดัดตนจึงน่าจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดลมหายใจและการกลั้นลมหายใจ ดังนั้นก่อนที่จะบริหารร่างกายด้วยท่าฤาษีดัดตน ควรเริ่มต้นนั่งสมาธิและการฝึกการหายใจให้ถูกต้อง
► ท่าฤาษีดัดตน กายบริหารแบบไทย
เป็น การบริหารร่างกายของคนไทยที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งเน้นการฝึกลมหายใจและใช้สมาธิร่วมด้วย จึงเป็นทั้งการบริหารร่างกายและบริหารจิต รวมทั้งช่วยในการบำบัดอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นได้ในระดับหนึ่ง
► ประโยชน์ของการบริหารร่างกายด้วยท่าฤาษีดัดตน
การบริหารร่างกายด้วยท่าฤาษีดัดตน นอกจากใช้เป็นท่าในการบริหารร่างกายแล้ว ทำให้ ร่างกายตื่นตัว แข็งแรง และเป็นการพักผ่อน ท่าต่าง ๆ ที่ใช้ยังมีสรรพคุณในการรักษาโรคเบื้องต้นได้อีกด้วย นับว่ามีประโยชน์เป็นอันมาก ได้แก่
จาก การที่สถาบันการแพทย์แผนไทย ได้เผยแพร่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ถึงปัจจุบันยังไม่พบข้อเสียหรืออันตรายจากการใช้ท่าฤาษีดัดตน และโดยลักษณะการเคลื่อนไหว เป็นการเคลื่อนไหวอย่างช้า และไม่ได้ตัด หรือฝืนท่าทางอย่างมากมาย ดังนั้นจึงมีความปลอดภัยกับผู้ที่จะใช้ออกกำลังกายโดยเฉพาะผู้สูงอายุ
► การนำท่าฤาษีดัดตน ไปใช้ประโยชน์
• ด้านการเรียนการสอน
• ด้านการให้คำแนะนำแก้อาการเจ็บป่วยสำหรับประชาชนที่มารับบริการด้านการแพทย์แผนไทยตามสถานบริการต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
ที่มา : ขอบคุณ
เรียบเรียงบทความ "ประวัติความเป็นมาของ ฤาษีดัดตน"
โดยกองบรรณาธิการ www.YesSpaThailand.com
VDO- ฤาษีดัดตน ท่าขั้นพื้นฐาน ๑๕ ท่า
ให้ความรู้ท่ากายบริหารแบบไทย ฤาษีดัดตนขั้นพื้นฐาน ๑๕ ท่า
เพื่อส่งเสริมสุขภาพ และบำบัดรักษาอาการของโรคอย่างง่ายๆ ด้วยตัวเอง
ความเป็นมาของวีดีทัศน์ ฤาษีดัดตนท่าขั้นพื้นฐาน ๑๕ ท่า (กายบริหารแบบไทย)
คณะกรรมการองค์การศึกษาวิทยาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) หรือ UNESCO ซึ่งได้จัดการประชุมใหญ่ที่ประเทศออสเตรเลีย มีมติรับรองศิราจารึก วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ขึ้นทะเบียนเป็นเอกสารมรดกความทรงจำของโลกในส่วนภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อจารึกวัดโพธิ์ผ่านการจดทะเบียนแล้วคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยแผนงานความทรงจำแห่งโลกประเทศไทย ได้ขอให้ศูนย์เทคโนโลยีอีเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
ดำเนินการจัดทำฤาษีดัดตนฉบับดิจิทัล เพื่อเผยแพร่ท่าออกกำลังเหล่านี้สู่สาธารณะชนให้แพร่หลายยิ่งขึ้น
ฤาษีดัดตนฉบับดิจิทัลจะช่วยให้ผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกายแต่สามารถใช้คอมพิวเตอร์และสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตสามารถเข้าถึงข้อมูลและทำกายบริหารฤาษีดัดตนตามได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปที่อื่น สามารถทำที่บ้าน ห้องทำงาน และห้องนอนได้โดยสะดวก เป็นการให้ความรู้ท่ากายบริหารแบบไทย ฤาษีดัดตนขั้นพื้นฐาน ๑๕ ท่า
ซึ่งคัดเลือกโดยสถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเพื่อส่งเสริมสุขภาพและบำบัดรักษาอาการของโรคอย่างง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
ท่าที่ ๑ท่านวดบริเวณกล้ามเนื้อใบหน้า ๗ ท่า
ท่าที่ ๒ ประยุกต์มาจากท่าฤาษีดัดตน แก้ลมข้อมือและแก้ลมในลำลึงค์
ท่าที่ ๓ ประยุกต์มาจากท่าฤาษีดัดตน แก้ปวดท้องและข้อเท้า และแก้ลมปวดศีรษะ
ท่าที่ ๔ ประยุกต์มาจากท่าฤาษีดัดตน แก้ลมเจ็บศีรษะและตามัว และแก้เกียจ
ท่าที่ ๕ ประยุกต์มาจากท่าฤาษีดัดตน แก้แขนขัด และแก้ขัดแขน
ท่าที่ ๖ประยุกต์มาจากท่าฤาษีดัดตน แก้กล่อน และแก้เข่าขัด
ท่าที่ ๗ประยุกต์มาจากท่าฤาษีดัดตน แก้ปัตคาตและแก้เส้นมหาสนุกระงับ
ท่าที่ ๘ประยุกต์มาจากท่าฤาษีดัดตน แก้ลมในแขน
ท่าที่ ๙ประยุกต์มาจากท่าฤาษีดัดตน ดำรงกายอายุยืน
ท่าที่ ๑๐ประยุกต์มาจากท่าฤาษีดัดตน แก้ไหล่ ขา และแก้เข่า ขา
ท่าที่ ๑๑ ประยุกต์มาจากท่าฤาษีดัดตน แก้โรคในอก
ท่าที่ ๑๒ ประยุกต์มาจากท่าฤาษีดัดตน แก้ตะคริวมือ ตะคริวเท้า
ท่าที่ ๑๓ ประยุกต์มาจากท่าฤาษีดัดตน แก้ตะโพกสลักเพชรและแก้ไหล่ ตะโพกขัด
ท่าที่ ๑๔ ประยุกต์มาจากท่าฤาษีดัดตน แก้ลมเลือดนัยน์ตามัว และแก้ลมอันรัดทั้งตัว
ท่าที่ ๑๕ ประยุกต์มาจากท่าฤาษีดัดตน แก้เมื่อยปลายมือและปลายเท้า
คำศัพท์
วีดีทัศน์ฤาษีดัดตนท่าขั้นพื้นฐาน ๑๕ ท่า (กายบริหารแบบไทย)
ลมข้อมือ หมายถึง โรคลมชนิดหนึ่ง เกิดจากธาตุลมในร่างกายผิดปกติ ทำให้บริเวณข้อมือมีอาการบวมและปวด เป็นต้น
ลมในลำลึงค์ หมายถึง โรคลมชนิดหนึ่ง เกิดจากธาตุลมในร่างกายผิดปกติ ทำให้อวัยวะเพศชายมีอาการบวมและปวด เป็นต้น
แขนขัด เข่าขัด หมายถึง อาการของโรคอย่างหนึ่ง ทำให้รู้สึกว่าอวัยวะบริเวณแขนและเข่า มีอาการเคลื่อนไหวไม่ได้ ทำให้ปวด บวม เป็นต้น
กล่อน หมายถึง โรคกระษัยชนิดหนึ่ง เรียกว่า กระษัยกล่อน ก็มีอาการของโรคเกิดแต่สมุฏฐานทั้ง ๔ มี ๕ ชนิด คือ
กล่อนปัตคาต หมายถึง โรคกระษัยกล่อนชนิดหนึ่ง อาการของโรคเกิดจากเส้นเอ็นภายในร่างกายส่วนที่อยู่คู่ขนานไปกับเส้นเลือด บริเวณท้องน้อยและหน้าขา มีอาการผิดปกติ
เส้นมหาสนุกระงับ หมายถึง เส้นที่ทำให้สงบ ไม่กระวนกระวาย
โรคในอก หมายถึง โรคอย่างหนึ่ง ทำให้มีความผิดปกติภายในร่างกายบริเวณทรวงอก มีอาการจุก แน่น หายใจไม่ออก ร้อน เหงื่อไหลออกทุกเส้นขน เป็นต้น
ตะโพกสลักเพชร หมายถึง ส่วนของร่างกายที่เป็นกล้ามเนื้อบริเวณตะโพกตอนที่ขายักไปยักมา บางทีเรียกสลัก หรือสลักเพชร
ตะโพกขัด หมายถึง อาการของโรคอย่างหนึ่ง ทำให้รู้สึกว่าอวัยวะบริเวณตะโพก ผิดปกติ มีอาการปวด เคลื่อนไหวไม่ได้ เป็นต้น
ลมเลือดนัยน์ตามัว หมายถึง อาการของโรคอย่างหนึ่ง มีอาการธาตุลมในร่างกายเป็นโทษขึ้น ทำให้เป็นไข้ ตัวร้อนจัด แต่มือเท้าเย็น ตามัว กระสับกระส่าย บางทีมีอาการลิ้นกระด้าง คางแข็ง พูดไม่ได้ เป็นต้น
ลมอันรัดทั้งตัว หมายถึง อาการของโรคอย่างหนึ่ง เกิดจากกองธาตุลมในร่างกายผิดปกติ มีอาการเป็นก้อนตานแข็งขึ้น ตั้งอยู่ในทรวงอก ทำให้รู้สึกแน่นอึดอัด เป็นต้น
ขอขอบคุณ
• วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
• คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยแผนงานความทรงจำแห่งโลก
• สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย
และการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข
• สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)
• ศูนย์ไทยกริดแห่งชาติ
• คุณเชาวน์รัตน์ จิตต์ว่องไว
ผู้บรรยายวีดีทัศน์ กายบริหารแบบไทย ท่าฤาษีดัดตนพื้นฐาน ๑๕ ท่า
ที่มา : http://www.yesspathailand.com